วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Review ศัลยกรรมจมูก เปลี่ยนโฉมสาวไม่มีดั้ง ให้เป็นสาวมั่นใจ สวยเป็นธรรมชาติ โดย นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล



Presenter ศัลยกรรมจมูก ประสบการณ์จริง เล่าจริง เธอเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเอง ค่ะ
คุณ เอ นางสาวกมลวรรณ วัชรธัญญทิพย์ ทำศัลยกรรมจมูกโดย นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล


เล่าสู่กันฟัง....รีวิวเสริมจมูกครั้งแรกค่ะ

เกริ่นก่อนว่า ที่อยากทำจมูกก็เพราะอยากให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้นอ่ะค่ะ รู้สึกถ่ายรูปแล้วหน้าดูแบนๆราบๆ เพราะดั้งไม่มี เวลาออกงานก็เสียเวลาแต่งหน้า ตรงที่ต้องคอยไฮไลท์ เฉดดิ้งจมูกให้ดูเหมือนมีสัน มีดั้งขึ้นมา ซึ่งมันช่วยให้ดูมีดั้ง มีมิติ ขึ้นมั้ยไม่แน่ใจ แต่อย่างน้อยช่วยเรื่องจิตใจค่ะ 555+ 

พอได้โอกาสเหมาะ มีคนสนับสนุน ก็เลยได้ทำสักทีค่ะ   มีเวลาเตรียมตัวจริงจัง อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนหน้าก็มีอ่านรีวิวในเนตบ้าง ถึงการเตรียมตัวและทรงจมูกในแบบต่างๆ ตามแต่เวลาจะว่าง แบบอ่านเรื่อยๆ ชิวๆ แต่พอรู้วันที่คุณหมอนัดผ่าแล้วนี่แหละ รู้สึกจะตื่นเต้น เป็นกังวลขึ้นมาทันที ทั้งข้อมูลมากมายจากในเนตและคำบอกเล่าจากเพื่อนที่เคยทำจมูก ว่า ต้องงดยา งดวิตามิน หลายอย่าง คือแบบว่าหลากหลายข้อมูล แต่ละแหล่งเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง เราก็จดๆแล้วมาสรุป ปรับใช้ ประกอบกับขอคำแนะนำจากทางโรงพยาบาลด้วยว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร งดอะไรบ้าง ก็คลายกังวลไปบ้าง แต่ก็ตื่นเต้นอยู่ดีค่ะ อาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกของเราสำหรับการทำศัลยกรรมด้วยเนาะ

พอถึงวันผ่า ก็คุยกับคุณหมอว่าเราอยากได้จมูกที่โด่งเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องการโด่งมากแบบใครเห็นแล้วรู้ ไม่อยากให้เห็นสัน เป็นแท่งชัดเจนแบบจะดูไม่เนียน อยากได้ปลายหยดน้ำหน่อยๆ ซึ่งเราก็มีรูปไปให้คุณหมอดูประกอบด้วยว่าอยากได้ทรงประมาณไหน แต่ทรงในรูปจะค่อนข้างโด่งมากไปและคุณหมอบอกว่าแบบนี้ ปลายเชิด นะ เราก็ อ้าว หรอคะ หนูก็ดูไม่ค่อยเป็น เสิจรูปจากในเนตว่า ทรงจมูกปลายหยดน้ำ มันก็มีรูปนั้นออกมา 555+ หัวเราะกลบเกลื่อน แล้วก็บอกไปว่าเอาทรงประมาณนี้อ่ะค่ะ แต่ไม่ต้องโด่งเท่าในรูปก็ได้ค่ะ ซึ่งคุณหมอก็ใจดีนะคะ ให้คำปรึกษา แนะนำ ถึงทรงจมูก ความโด่ง ที่เหมาะกับใบหน้าเรา มีการวัดสัดส่วนบนใบหน้า  แล้วคุณหมอบอกว่าเรามีปลายจมูกอยู่แล้ว แต่สันจมูกส่วนบนกับตรงกลางมันหายไป คุณหมอก็จะเสริมให้ในส่วนนี้ แล้วเพิ่มปลายหน่อยนึง หยดน้ำทำได้นิดเดียวเพราะเนื้อปลายจมูกไม่เยอะมาก เดี๋ยวทะลุ คุยเสร็จก็ไปเตรียมตัวค่ะ พยาบาลให้ยามาทานหลายเม็ดเลย น่าจะเป็นยาแก้อักเสบ ยาพาราแก้ปวดและยาลดบวม

ซึ่งโรงพยาบาลที่เราไปทำเค้าจะไม่ให้กินยานอนหลับหรือวางยาสลบนะคะ ฉีดแค่ยาชาอย่างเดียว พอเปลี่ยนชุดเข้าห้องผ่าตัด ล้างหน้า ล้างช่องจมูก ก็ขึ้นเตียงผ่าตัดรอเลยค่ะ  พยาบาลก็เอาเบตาดีนมาคลีนหน้า แล้วฉีดยาชา เป็นดังคำร่ำลือค่ะ ว่ามันเจ็บมาก เจ็บที่สุดละ 55+ มันจี๊ดๆอ่ะ แต่ก็พอทนได้นะคะ จากนั้น หมอก็ทำการผ่าตัดให้เรา เราก็นอนเพลินๆค่ะ จริงๆจะว่าเพลินมั้ยก็ไม่หรอกค่ะ รู้สึกเกร็งๆและลุ้นๆมากกว่า ว่าตอนนี้หมอจะทำอะไร จะเจ็บมั้ย แต่ผลคือไม่เจ็บเลยค่ะ แต่เราจะรู้ว่าตอนนี้คุณหมอกำลังทำอะไรอยู่ ประกอบกับคุณหมอจะบอกเราเป็นระยะด้วยค่ะ ว่าตอนนี้จะทำอะไร รวมทั้งบางช่วงที่ต้องหายใจทางปาก แล้วมีอะไรไหลลงคอ คุณหมอก็จะบอกให้กลืนลงไปได้เลยค่ะ เวลาที่ใช้ผ่าตัดก็แป้บเดียวเสร็จอ่ะ ไม่ถึง 30 นาที เร็วมากๆ

พอทำเสร็จคุณหมอก็จะให้เราส่องกระจกดู ว่าได้ทรงแบบนี้นะ ชอบมั้ย และที่นี่จะให้ญาติหรือเพื่อนเข้ามาช่วยดูได้ แต่ต้องแจ้งพยาบาลไว้ก่อนล่วงหน้าค่ะ เมื่อเย็บแผลด้วยไหมละลายเสร็จ พยาบาลก็พาเราไปห้องพักฟื้นแล้วประคบเย็นให้เรา 30 นาที พร้อมกับให้ยาและแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เราก็กลับบ้านได้เลยค่ะ

ระหว่างนั่งรถกลับบ้านก็คิดในใจว่ายาชาจะหมดฤทธิ์เมื่อไรนะ แล้วมันจะปวดแผลมั้ยนะ แต่ปรากฏว่าเราไม่ปวดแผลเลยค่ะ ยาพาราที่ได้มาแทบไม่ได้กินเลย รู้สึกดีใจมาก กลัวปวดแล้วทรมาน นอนไม่ได้อะไรแบบนี้ คือ คุณหมอมือเบามาก เราไม่ปวดแผลเลย อาการบวมตรงใต้ตาและรอบจมูกก็น้อยมากๆค่ะ ประมาณ 2-3 วันแรกที่จะบวมแบบเห็นได้ชัด และหลังจากวันนั้นเราก็ออกไปข้างนอก ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ

มาดูความเปลี่ยนแปลงกันค่ะ


รูปก่อนทำค่ะ

หลังทำค่ะ


รูปคู่เปรียบเทียบ Before & After ค่ะ


 เล่ามาซะยาวก็ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ค่า ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านนะคะ บ๊ายบายค่า


ทางโรงพยาบาลบางมด ขอขอบคุณ คุณ เอ พรีเซนเตอร์จาก โครงการปลุกความมั่นใจไปกับเรา ที่ทำรีวิวศัลยกรรมจมูกนี้ขึ้นมา จากความประทับใจของเธอเองค่ะ

วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2558

คอลัมน์ Beauty Station: ศัลยแพทย์เตือนหาข้อมูลก่อน 'ศัลยกรรม'

       
           ปัจจุบันคนไทยให้ความสำคัญกับความสวยความงาม ซึ่งเป็นเรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกมากขึ้น ที่เป็นเช่นนี้ เพราะ รูปลักษณ์ที่ดีสามารถใช้เป็นบันไดก้าวสู่อาชีพการงานที่มั่นคงได้ จึงไม่ต้องแปลกใจหากเราจะเห็นใครต่อใครหันไปขึ้นเขียงให้หมอทำ "ศัลยกรรม" กันเป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อผ่านมีดหมอมาแล้วมีคนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้นจนอาจเรียกได้ว่า เปลี่ยนชีวิตเขาเหล่านั้นจากหน้ามือเป็นหลังมือ
          ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ยอมรับ อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในโลกยุคโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คอร์ส ศัลยกรรมในรูปแบบต่างๆ ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด ล่อตาล่อใจ ผู้ที่สนใจด้วยโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม รวมถึงการบิน ไปเกาหลีเพื่อตัดเติมเสริมแต่ง เฉือนนั่นนิด เติมนี่หน่อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติและดูง่ายดายราวกับการเดินไปหยิบสินค้า ที่ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเลยทีเดียว
          แต่ศัลยกรรมก็ใช่ว่าจะมีเฉพาะด้านดีเท่านั้น!
          นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและความงาม โรงพยาบาลบางมด ออกมาเตือนประชาชนผู้ที่สนใจทำศัลยกรรมว่า ควรหาข้อมูลและศึกษาสถาน ที่ทำอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะอันตรายจากการทำศัลยกรรมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีให้เห็นเป็นตัวอย่างมากมายในสังคม ประชาชนหลายคนยังถูกหลอก และสาเหตุ ที่ประชาชนยังหลงเชื่อ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่ทราบคำเตือนว่าเป็นอันตรายจริง และคงเห็นว่าสะดวก ราคาย่อมเยา โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่จะตามมา
          ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนตัดสินใจให้รอบคอบก่อน การทำศัลยกรรม เสียเวลาสักนิดเพื่อศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ เปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาตัวเอง ควรเลือกทำศัลยกรรม กับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การทำงานสูง 
ควรเลือกสถานที่ที่ปลอดภัย สะอาด ได้มาตราฐาน

ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2558

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ศูนย์ศัลยกรรมความงาม “โรงพยาบาลบางมด” ความภาคภูมิใจ จนกลายเป็นแรงบันดาลใจ จาก ...“พ่อสู่ลูก”



"ผมต้องเป็นหมอ"  น้ำเสียงจาก เด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งเมื่อ 20 กว่าปีก่อน ที่ได้เปล่งออกมา หลังจากที่ชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ ที่ได้เข้ามาคลุกคลีอยู่กับศูนย์ศัลยกรรมความงาม ซึ่งเป็นสถานที่ทำงานของคุณพ่อที่เขามีความภาคภูมิใจ และยึดถือเป็นไอดอลของเขา นับตั้งแต่จำความได้
          แต่ใครจะรู้ว่า ณ วันนี้ เสียงเล็กๆ ดังกล่าว จะกลายเป็นเสียงของศัลยแพทย์หนุ่มไฟแรง  อนาคตไกลอย่าง น.พ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เกียรตินิยมอันดับ 1 แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งและความงาม ผู้บริหารโรงพยาบาลบางมด  และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความงามของดาราและนักแสดงชั้นนำหลายท่าน
วันนี้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณหมอพ่อลูก ที่เป็นศัลยแพทย์ระดับต้นๆ ของประเทศ มาเล่าถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาให้ฟัง

น.พ.ธนัญชัย : “ผมจะคลุกคลีอยู่กับโรงพยาบาลบางมดมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากคุณพ่อ (น.พ.สุรสิทธิ์ อัศดามงคล) ท่านได้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลบางมด และท่านยังเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ที่หลายๆ คนก็รู้จักอีกด้วย  จากความสำเร็จของคุณพ่อ จึงทำให้ผมรู้สึกภูมิใจ และมีแรงบันดาลใจว่า สักวันผมจะเป็นอย่างพ่อให้ได้ และวันนี้ก็มาถึง เมื่อได้เข้าเรียนจริงๆ คุณพ่อก็ฝึกฝนประสบการณ์ตั้งแต่ตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ จนก้าวสู่การเป็นแพทย์เฉพาะทาง ศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผมภูมิใจมาก เพราะคุณพ่อเป็นทั้งพ่อและครูไปในขณะเดียวกัน”

น.พ.สุรสิทธิ์ : “หมูเขาจะถามผมเสมอ (ชื่อเล่นของ น.พ.ธนัญชัย) ว่าทำอย่างไรเหรอที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จเหมือนพ่อ  ผมก็จะเล่าให้เขาฟังว่าการทำศัลยกรรมเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะเป็นการประสานศาสตร์ด้านการศัลยกรรมมาสู่การต่อยอดความรู้ผ่านการศึกษาด้านศัลยกรรมความงามอย่างจริงจัง ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ได้นำความรู้จากสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ผสานประสบการณ์นับ 30 ปี จนสร้างชื่อเสียงให้โรงพยาบาลบางมด ทั้งในเรื่องของการรักษาบนมาตรฐานและฝีมือของแพทย์เฉพาะทางอย่างแท้จริง สู่การก้าวเป็นที่ตั้งของศูนย์ศัลยกรรมความงาม อันดับ 1 ของประเทศ และอีกหนึ่งความภูมิใจของผมเลยก็คือการได้เป็นวิทยากรด้านศัลยกรรม ซึ่งที่ผ่านมาก็มีแพทย์จากสหรัฐอเมริกา เกาหลี และญี่ปุ่น จัดตารางมาศึกษาดูงานทุกปี สำหรับเทคนิคการทำศัลยกรรมนั้น ผมไม่มีอะไรมาก ผมจะบอกลูกเสมอว่า  เพราะหัวใจของการทำศัลยกรรมความงามคือ "เจ็บน้อย หายเร็ว เป็นธรรมชาติ"  เป็นสิ่งที่คนไข้ต้องการ ดังนั้น ศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด จึงได้นำเทคโนโลยีใหม่ๆ เทคนิคการรักษาที่ผ่านการศึกษามาแล้วอย่างจริงจังเพื่อให้บริการกลุ่มลูกค้าที่ไม่ว่าจะเป็นการทำศัลยกรรมตามจุดต่างๆ เป็นครั้งแรก หรือการแก้ไขซึ่งยากจะเยียวยาให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติมากที่สุด”  
"สิ่งที่ศูนย์ศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลบางมด ยึดถือตลอดมาคือความจริงใจและความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าซึ่งถือเป็นคนไข้ของเรา ก่อนการรักษาเราจะบอกข้อมูลซึ่งเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด ทั้งข้อดี ข้อเสีย ตำแหน่งของแผลและลักษณะโครงสร้างของตำแหน่งศัลยกรรมหลังการผ่าตัด การทำศัลยกรรมนั้นความคาดหวังเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญมาก และต้องทำความเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้คนไข้เข้าใจบนพื้นฐานของความเป็นจริงมากที่สุด เพราะโครงสร้างใบหน้า เนื้อเยื่อ รวมถึงสภาพผิวของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ไว้วางใจได้ก็คือคุณภาพของงานและการบริการที่เราทุ่มเทสุดฝีมือ และการันตีด้วยคุณภาพงานที่ได้รับการยอมรับต่อเนื่องมามากกว่า 30 ปี"

น.พ.ธนัญชัย : ปัจจุบันคนไข้จะนิยมมาทำศัลยกรรม การเสริมจมูก มากเป็นอันดับ 1 ซึ่งทางศูนย์ศัลยกรรมความงามก็จะได้เลือกวัสดุที่มีความยืดหยุ่นเทียบเท่ากระดูกอ่อน ผสานเป็นเนื้อเดียวกับโครงสร้างบนใบหน้า โยกไปมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นก็จะเป็นการทำตา 2 ชั้น ซึ่งการผ่าตัดที่นี่เราจะทำจากด้านใน หลังผ่าตัดคนไข้สามารถลืมตา ล้างหน้าและกลับบ้านได้เลย ส่วนอันดับที่ 3 คือ การเสริมหน้าอก ศูนย์ศัลยกรรมความงามได้คิดค้นวิธีการที่ทำให้หน้าอกใหม่ของคุณผู้หญิงทรงสวยเหมือนธรรมชาติ พร้อมการยืดหยุ่นของซิลิโคนที่ทันสมัยให้ความรู้สึกเหมือนหน้าอกจริงจนแยกไม่ออก ด้วยวิธีแบบ Dual Plane และการส่องกล้องช่วยผ่าตัด รวมถึงการศัลยกรรมในส่วนต่างๆ ที่เป็นไปตามหลักของการทำศัลยกรรมความงามของโรงพยาบาลบางมดที่ต้องทำให้คนไข้เจ็บน้อยที่สุด แผลน้อย หายเร็ว และเป็นธรรมชาติที่สุด


          
“ในช่วงที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลก็ได้จัดโครงการ “ปลุกความมั่นใจไปกับเรา” โดยเราจะเฟ้นหาตัวแทนสาวทันสมัย และให้ทางบ้านช่วยกันโหวตว่า ใครที่เหมาะสมจะได้ทำศัลยกรรมฟรีกับเรา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมีผู้สมัครเกินกว่าที่เราตั้งไว้ นั่นจึงทำให้ผมมั่นใจว่า ยังมีอีกหลายๆ คนที่ให้ความสนใจที่จะทำศัลยกรรม ซึ่งตอนนี้เราก็ได้ทำศัลยกรรมให้กับผู้ชนะไปแล้วและทั้ง 3 คนก็จะมาเป็นตัวแทนของศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด ในการประชาสัมพันธ์ต่อไป


น.พ.สุรสิทธิ์ : การศัลยกรรม เป็นเรื่องละเอียดอ่อนพิถีพิถันจริงๆ เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่เสริมสร้างความมั่นใจ พร้อมลบภาพที่ถูกมองว่าเป็นปมด้อยให้หายไป จึงเสมือนเป็นการเติมเต็มความสุขให้กับคนไข้ไปด้วย ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเป็นสิ่งที่ทางโรงพยาบาลบางมดให้ความใส่ใจทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าเป็นการบริการเพื่อมอบความ     พึงพอใจต่อคนไข้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และที่สำคัญต้องมีความรับผิดชอบอย่างจริงจัง และจริงใจ นี่คือกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้เราประสบผลสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้”

วันจันทร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2558

มาลดอายุ ให้ดูอ่อนกว่าวัยกันมั้ย ในเมื่อใครๆก็ไม่ยอม "แก่" ...

การศัลยกรรมดึงหน้า – การดึงหน้าซ้ำ


การดึงหน้าคืออะไร
อุ๊ยตาย ว๊ายกรี๊ด ด..ด..ยัยคนนี้เป็นใครกันหนอ เหตุใดจึงมีใบหน้าคล้ายคลึงกับเราได้เป๊ะ ๆ ขนาดนี้ แต่ทำไมหน้าเหมือนไม่ผ่านเตารีดมานานแรมปี ถ้านั่นเป็นประโยคที่คุณเคยพูดหรือแม้แต่คิดในใจตอนยืนส่องกระจกแล้วล่ะก็ ไม่ต้องมัวตกตลึงครับ เชิญทางนี้ที่โรงพยาบาลบางมดครับ... เหตุที่ผิวของคุณมีร่องรอยเหี่ยวย่นนั่นเกิดจากอายุที่มากขึ้นกรรมพันธุ์และสภาพแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงของผิวเมื่อมีอายุจะต่างกันในแต่ละคน แล้วแต่เนื้อเยื่อและการดูแลเอาใจใส่ผิวพรรณของแต่ละคนครับ ใบหน้าของคุณก็เช่นกันครับจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ดูอายุมากขึ้นได้ใน 2 ส่วนครับ
ส่วนแรก การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง จะเกิดรอยย่น เกิดการหย่อนยานของผิวหนังและเกิดจุดด่างดำขึ้นที่ใบหน้า
ส่วนที่สอง การเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง โดยจะทำให้เนื้อบริเวณแก้มของคุณเคลื่อนลงล่างทำให้ร่องแก้มชิดขึ้นเกิดการหย่อนของเนื้อเยื่อใต้ต่อกรามและเกิดการหย่อนของกล้ามเนื้อที่คอซึ่งการศัลยกรรมดึงหน้าเป็นการศัลยกรรมตัดหนังใส่ที่เหี่ยวย่นออกไปเพื่อช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงขึ้นเรียบขึ้น ทำให้มั่นใจได้มากขึ้น


             ก่อนสวย
         คุณควรสระผมตอนเช้าก่อนผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อป้องกันการติดเชื้อและยังช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นด้วย แต่ถ้าคุณเป็นผู้ที่มีความดันสูง คุณจะต้องเตรียมตัวเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยเพื่อควบคุมความดันให้ปกติ โดยก่อนศัลยกรรมผ่าตัด 2 สัปดาห์ คุณควรงดสูบบุหรี่และงดยาแอสไพรินสำหรับผู้ที่ต้องใช้ยาสลบ ต้องงดน้ำ งดอาหาร ก่อนผ่าตัดศัลยกรรมอย่างน้อย 6 ชั่วโมง (คราวนี้คุณก็สวยครบทั้งหน้าทั้งรูปร่างเลย)


            เริ่มสวย
            สามารถทำได้ทั้งการวางยาสลบหรือฉีดยาชาเฉพาะที่ขึ้นกับความต้องการของคุณเองโดยให้อยู่ในดุลยพินิจของหมอ จะใช้เวลาในการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าประมาณ 2 ชั่วโมง คุณจะมีแผลผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าที่หนังศีรษะเหนือติ่งหู บริเวณหน้าหูและหลังหู โดยหลังจากแผลหายแล้วรอยแผลจะมีน้อย  ถ้าไม่สังเกตจะมองไม่เห็นแผล หลังการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าคุณต้องนอนโรงพยาบาลอีกประมาณ 1 วัน แล้วคุณก็กลับไปนอนเล่นให้เย็น ๆ ใจอีกสักประมาณ 10 วัน คุณก็สามารถไปทำงานตามปกติได้ (อย่าลืมลางานล่วงหน้าเอาไว้นะครับ) แต่ถ้าคุณมีไขมันใต้คางมาก หมอสามารถจะดูดหรือตัดไขมันใต้คางร่วมกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าได้เลยครับถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัวเลยนะครับเนี่ย
               หลังสวย
            นอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม สามารถสระผมได้หลังผ่าตัดศัลยกรมดึงหน้าแล้ว 2 วัน หมอจะทำการตัดไหมให้คุณหลังผ่าตัดแล้ว 5-7 วันครับ ตอนนี้โรงพยาบาลบางมดมีข่าวดีเพิ่มเติมให้คุณด้วย เพราะขณะนี้มีการศัลยกรรมดึงหน้าเทคนิคใหม่ที่กำลังรับความนิยมในญี่ปุ่นซึ่งเป็นการศัลยกรรมดึงหน้าในชั้นใต้ผิวหนังที่เรียกว่าSMAS (SUPERFICIAL MUSCULO-APO-NEUROTIC SYSTEM) ซึ่งเป็นการศัลยกรรมดึงหน้าที่เหมาะสมกับใบหน้าของคนเอเชีย (ORIENTAL FACE) เนื่องจากเป็นการศัลยกรรมดึงชั้นใต้ผิวหนังทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า ไม่ต้องตัดผิวหนังมากผลก็คือทำให้อาการบวมเจ็บช้ำ น้อยกว่าวิธีผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าในแบบเดิมและมีรอยแผลน้อยกว่าเดิมอีกด้วยครับ
            ซึ่งโดยเทคนิคนี้คุณสามารถจะผ่าตัดศัลยกรรมและนอนโรงพยาบาลเพียง 1-2 วันหรือกลับบ้านได้เลยและบวมเพียงเล็กน้อย คุณสามารถกลับไปทำงานได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์เท่านั้น




การศัลยกรรมดึงหน้าซ้ำ
หากคุณเคยผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้ามาแล้วเมื่อเวลาผ่าไป ผิวหนังจะมีรอยแผลย่นเกิดขึ้นอีก ดังนั้นในบางรายหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าครั้งแรกแล้วประมาณ 5-10 ปี อาจตัดมาผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าซ้ำอีก เป็นครั้งที่สองหรือสาม
การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าครั้งที่สอง จะมีแผลที่เดิมที่เคยผ่าตัดศัลยกรรมครั้งแรก แต่ในรายละเอียดจะแตกต่างกันบ้างโดยการผ่าตัดศัลยกรรมจะยากกว่าครั้งแรก เนื่องจากจะมีพังผืดเกิดขึ้นหลังจากการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าครั้งแรกและชั้นของไขมันที่ใบหน้าจะบางลงโดยเฉพาะการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าครั้งที่สองภายใน 1 ปี ไปแล้ว
การผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าครั้งที่สองมักเป็นผู้ที่มีอายุมาก ดังนั้นก่อนผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าซ้ำต้องมีการเตรียมตัวมากกว่าปกติ ถ้าคุณเป็นผู้ที่มีความดันโลหิตสูง เป็นเบาหวาน หรือมีโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดควรจะต้องคุมโรคเหล่านี้ให้ดีก่อนผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า (อย่าลืมคุยกับหมอเรื่องโรคเหล่านี้ด้วยนะครับ)

ส่วนการดูแลหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าซ้ำไม่แตกต่างจากการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าครั้งแรก เช่น นอนยกศีรษะสูงเพื่อลดอาการบวม สระผมได้หลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า 2 วันตัดไหมหลังผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า 5-7 วัน สรุปแล้วการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้า ครั้งที่ 2 หรือ 3 คุณก็สามารถทำได้อย่างสบายใจ โดยผลที่ได้และความปลอดภัยจะใกล้เคียงกับการผ่าตัดศัลยกรรมดึงหน้าครั้งแรกของคุณโดยคุณไม่ต้องใช้ที่หนีบผ้ามาหนีบมาดึง ให้หน้าตึงเหมือนก่อนนะครับ





แหล่งที่มา : หนังสือ เสกสรรค์...ปั้นสวย  โดย นพ.สุรสิทธิ์  อัศดามงคล
สอบถาม   : โรงพยาบาลบางมด โทร. 02-867-0606 ต่อ 1200, 089-1436385 Line ID: bangmod, pr-bangmod



วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2558

ทำตาสองชั้น พึ่งหมอไม่ต้องง้อแอ๊บ แถมไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ครั้งเดียวจบ!!!!!

การศัลยกรรมทำตา 2 ชั้น


การศัลยกรรมทำตา 2 ชั้นนี้ นอกจากจะทำเพื่อความสวยงามแล้ว บางคนทำศัลยกรรมตา 2 ชั้น เพราะเชื่อในหลักโหงวเฮ้งว่าถ้าตาโตจะทำให้สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและกำจัดศัตรูที่มาในรูปแบบต่างๆ เช่น คุณไสยเอย ผีสางเอย หรือโรคร้ายต่างๆได้ อันนี้ก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน

ในปัจจุบันการศัลยกรรมทำตา 2 ชั้น นิยมกันมากในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะในคนหนุ่มสาว ที่มีตาชั้นเดียวหรือชั้นเล็กซึ่งเป็นลักษณะพื้นฐานของคนเอเชียเมื่อทำศัลยกรรมตาเป็น 2 ชั้นหรือศัลยกรรมตาชั้นใหญ่จะช่วยทำให้ดวงตาดูกลมโต ช่วยให้ใบหน้าดูสดใส และทำให้คุณได้เห็นโลกกว้างขึ้นด้วย






สำหรับผู้สูงอายุหรือในวัยกลางคน การทำศัลยกรรมหนังตาสามารถช่วยแก้ปัญหาหนังตาที่ห้อยตกได้ การทำศัลยกรรมตา 2 ชั้นจะช่วยลดการห้อย ลดการตกลง ทำให้ม่านตาหรือลานสายตากว้างขึ้นแลดูสดใสเหมือนวัยรุ่นได้ ที่เป็นที่นิยมมากเพราะใช้เวลาน้อยในการทำศัลยกรรมเพียงแค่ 15-30 นาทีเท่านั้น อาการเจ็บก็น้อย และระยะเวลาในการหายของแผลที่ศัลยกรรมไม่เกิน 1 สัปดาห์ ยิ่งปัจจุบันมีเทคนิคการศัลยกรรมใหม่ สามารถทำให้หายได้โดยไม่มีแผลการทำศัลยกรรมภายนอกและใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที โดยหลังทำศัลยกรรมอาจจะดูแลบวมเล็กน้อย แต่คุณสามารถล้างหน้าได้เลยและสามารถไปทำงานได้ปกติไม่มีแผลให้เห็นจึงทำให้นิยมทำศัลยกรรมตา2ชั้นกัน โดยเฉพาะในหมู่ดารานักแสดงและนางแบบซึ่งจำเป็นต้องใช้ภาพลักษณ์หน้าตาในการทำงาน

สำหรับเทคนิคในการทำศัลยกรรมตา 2 ชั้น แบ่งออกเป็น 2 แบบครับ คือแบบตัดและแบบเย็บ



แบบการตัด
มีให้เลือกทำศัลยกรรมกันหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความชำนาญของหมอแต่ละท่าน รูปร่างของดวงตาและความต้องการของคุณเองในการกำหนดรูปแบบ

แบบเย็บ
ใช้การเย็บได้ทั้งแบบภายในและภายนอก โดยเย็บร่วมกับเลเซอร์และเย็บ 1 จุด ถึง 5 จุด แบบใช้ลูกปัด ใช้สายยาง และอื่นๆขึ้นกับเทคนิคของหมอแต่ละท่านซึ่งคุณเองสามารถเลือกศัลยกรรมแบบต่างๆได้ตามความพอใจโดยให้อยู่ในคำแนะนำของหมอด้วยนะครับ

สำหรับวัยรุ่นบางคนที่กลัวความเจ็บจากการฉีดยาชาเฉพาะที่ก็อาจเลือกการใช้สติ๊กเกอร์ติดที่เปลือกตาบน แต่ในวัยกลางคนและวัยสูงอายุการใช้สติ๊กเกอร์จะไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นะครับ (เพราะอาจจะติดไม่ค่อยอยู่) และถ้าให้คุณลองนั่งคำนวณค่าติดสติ๊กเกอร์กับค่าผ่าตักแล้วรู้ว่า ไม่คุ้มแน่เสียยิ่งกว่า ก็ควรเลือกการผ่าตัดเสียดีกว่าครับเพราะถ้าหากบางคนติดไม่เป็นจะทำให้รู้สึกรำคาญหรือบางคนอาจจะมีอาการแพ้สติ๊กเกอร์ไปเลยก็มี







การยกหางตาและหางคิ้ว สำหรับคุณๆที่ต้องการศัลยกรรมให้หางตาและหางคิ้วยาวขึ้น ให้เหมือนนางแบบนายแบบทั้งหลาย สามารถทำได้โดยการผ่าตัด ซึ่งปัจจุบันทำศัลยกรรมได้โดยวิธีที่ง่ายรวดเร็ว..เพียงหมอเปิดแผลที่หนังศีรษะประมาณ 1-2 ซม. และใช้กล้องส่องเพื่อหลบเส้นเลือด เส้นประสาทแล้วเย็บจากภายใน เพื่อเวลาประมาณ 10 นาที ก็สวยปุ๊บได้ง่าย ๆ ครับ


แหล่งที่มา : หนังสือ เสกสรรค์...ปั้นสวย  โดย นพ.สุรสิทธิ์  อัศดามงคล
สอบถาม   : โรงพยาบาลบางมด โทร. 02-867-0606 ต่อ 1200, 089-1436385


                   Line ID: bangmod, pr-bangmod