วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ศัลยแพทย์ รพ.บางมด เผย “เฟสออฟ เฟสล็อค เฟสลิฟท์” สิ่งที่ทุกคนต้องทำความเข้าใจก่อนทำศัลยกรรม

[​IMG]

นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล. แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง โรงพยาบาลบางมด เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าวที่สร้างความสับสนในวงการศัลยกรรมตกแต่งว่า การทำเฟสออฟ เฟสล็อค และเฟสลิฟท์ ต่างกันอย่างไร วันนี้คุณหมอมาให้ความกระจ่างกันครับ

"เฟสออฟ (Face off) และ เฟสล็อค (face lock) นั้น ไม่ใช่ศัพท์ทางการแพทย์ครับ ผมขอเรียกว่าเป็น "ศัพท์ทางการตลาด" ที่ตั้งขึ้น และใช้เพื่อดึงดูดให้ผู้คนสนใจมากขึ้น ดังนั้น คนเราจึงสามารถตีความหรือจินตนาการได้ต่างๆนานา ตามแต่ การนิยามของแต่ละคนครับ ส่วนคำว่า เฟสลิฟท์ (Facelift) นั้นเป็นศัพท์ทางการแพทย์ หมายถึงการผ่าตัดดึงหน้า ซึ่งใบหน้าคนเราแบ่งได้เป็นหลายส่วนเช่น ใบหน้าส่วนบนคือบริเวณหน้าผาก (Forehead), ใบหน้าส่วนกลาง (midface) บริเวณหางตา โหนกแก้ม, ใบหน้าส่วนล่างและคอ (lower face and neck) ซึ่งเทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าก็มีหลายแบบมาก ดังนั้น คำว่า เฟสลิฟท์ จึงเป็นคำรวมๆ ซึ่งสามารถแบ่งย่อยได้อีก ตามเทคนิคการผ่าตัดและตามส่วนที่ผ่าตัด เช่น

Full-facelift คือการผ่าตัดดึงหน้าทุกส่วนทั้งส่วนบน กลาง ล่าง และลำคอ

Forehead lift คือการผ่าตัดดึงเฉพาะหน้าผาก

Neck lift คือการผ่าตัดดึงเฉพาะบริเวณลำคอ

นอกจากนั้น ยังมีศัพท์อื่นๆ อีก ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะทางการแพทย์ของการทำ facelift เช่น mini-facelift, SMASectomy, SMAS plication, MACS lift ศัพท์เหล่านี้มีความหมายชัดเจนทางการแพทย์ แต่อาจจะเข้าใจยากสำหรับคนทั่วไป และไม่ใช่ศัพท์ที่ดึงดูดความสนใจแบบ "ศัพท์ทางการตลาด" อย่าง face off, facelock ครับ ดังนั้นหากต้องการทำศัลยกรรมดึงหน้า ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง และสอบถามให้เข้าใจชัดเจน ถึงวิธีการผ่าตัดที่แท้จริง เทคนิคที่แพทย์ใช้ แผลจะอยู่บริเวณไหน ต้องพักฟื้นนานเท่าไร ดูแลก่อน-หลังผ่าตัดอย่างไร เป็นต้นครับ"


[​IMG]



"นอกจากนั้น ที่มีหลายคนสงสัยว่า การทำ Facelift จะทำให้หน้าเด็กลง 20 ปี จริงหรือไม่ ผมขอบอกว่า สามารถทำได้ครับ แล้วสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ สำหรับวงการแพทย์. เพราะจากผลการวิจัยโดยทั่วไปการดึงหน้าทุกส่วน (Full-facelift) จะสามารถทำให้หน้าดูเด็กลงโดยเฉลี่ย 10-20 ปีอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน เช่น ลักษณะผิว ,ความเหี่ยวย่นบนใบหน้าก่อนผ่าตัด, เทคนิคที่ใช้ผ่าตัด เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันเทคนิคทางการแพทย์มีการพัฒนาไปมาก การทำ facelift จึงทำให้การดึงหน้าเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก เพราะเมื่อก่อนการดึงหน้าถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องดมยาสลบ ผ่าตัดนานหลายชั่วโมง นอนรพ.หลายวัน หน้าบวมช้ำเป็นเวลานานมาก แต่ในปัจจุบัน เราสามารถทำ full-facelift โดยการฉีดยาชา ใช้เวลาผ่าตัดเพียง 2-3 ชั่วโมง และที่สำคัญรอยบวมช้ำก็น้อยลง หลังผ่าตัดเสร็จก็สามารถกลับบ้านได้ไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล ยิ่งเราทำให้การผ่าตัดเป็นเรื่องง่ายขึ้น เจ็บน้อย บวมน้อย หายเร็ว เป็นธรรมชาติ นี่แหละคือสิ่งที่พัฒนาขึ้นในการทำ facelift ในปัจจุบัน" นพ.ธนัญชัย กล่าวทิ้งท้าย


สนใจข้อมูลด้านศัลยกรรมตกแต่ง ติดตามได้ที่ 
https://www.facebook.com/Bangmodhospital/
https://www.facebook.com/dr.thananchai/ 

---------------------------------------------------------------------------------------------


ตัวอย่างการทำ full facelift ในปัจจุบัน ด้วยเทคนิค SMASectomy โดยการฉีดยาชา ใช้เวลา 3 ชม. ทำเสร็จสามารถกลับบ้านได้เลย

[​IMG]


[​IMG]

วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Review ศัลยกรรมหน้าอก คุณพลอย จากโครงการปลุกความมั่นใจ โดย นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล



Presenter ศัลยกรรมหน้าอก จากประสบการณ์จริง เล่าจริง เธอเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเอง ค่ะ
คุณ พลอย นางสาวภัทรวรัญญ์ บางสมบุญ  ทำศัลยกรรมหน้าอก โดย นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล

วันนี้พลอยจะมาเล่าประสบการณ์การเสริมหน้าอกหน้าใจของพลอยเองค่ะ เผื่อจะเป็นข้อมูลให้สำหรับคนที่กำลังสนใจและหาข้อมูลเสริมหน้าอกอยู่นะคะ คือพลอยอยากเสริมหน้าอกมานานมากแล้วเเพราะอยากใส่เสื้อผ้าสวยๆเดี๋ยวนี้ไซส์เสื้อผ้าก็ทำซะ s 33 หน้าอกอย่างเราแค่ 31 คือแบนมากกแล้วซื้อมาทีไรก็ไปเอาเข้าทุกตัว ใส่อะไรก็ดูตรงไปหมด เพื่อนก็ล้อตลอดนมแบ๊นแบนนเลยตัดสินใจว่าต้องทำแล้วละ 







รูปก่อนเสริมหน้าอก 
สังเกตุ แบนไปหมด ร่องนมอยู่ไหน 5555 ใส่ชุดว่ายน้ำต้องพันผ้าคลุมเลย ที่นี้ก็เลยหาข้อมูลที่ไหนดีที่ไหนปลอดภัยได้มาตราฐานส่วนมากเราจะเน้นดูข้อมูลที่เป็นโรงพยาบาลเท่านั้นเพราะห่วงความปลอดภัยแล้วก็ได้มาเจอโรงบาลบางมดมีกิจกรรมปลุกความมั่นใจไปกับเราให้แฟนเพจที่สนใจอยากทำศัลยกรรม อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น ด้วยการส่งภาพของตนเองและเล่าสิ่งที่อยากจะเปลี่ยนแปลง ไม่น่าเชื่อเลยว่าเราจะติด1ใน3 ดีใจมากๆเลยขอบคุณโรงบาลบางมดที่มีกิจกรรมดีๆแบบนี้ที่ทำให้ฝันของดิฉันเป็นจริง  

การเตรียมตัวก่อนเสริม 
ก่อนเตรียมตัวก็พออ่านรีวิวการเสริมหน้าอกว่าต้องทำอะไรบ้าง ลดพวกวิตามินและกลุ่มยาดยากลุ่มแอสไพริน (aspirin) หรือไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) หรือยาอื่นที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น ยารักษาโรคไซนัส ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของยาดังกล่าว อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัดเพื่อลดอาการฟกช้ำจากปัญหาเลือดคั่งหลังการผ่าตัด งดยา สมุนไพร และอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของวิตามิน และ อย่างน้อย 7 วัน เนื่องจากทำให้เลือดหลุดไหลยาก และเป็นอุปสรรคในการทำผ่าตัด เช่น ผงชูรส กระเทียม หัวหอม ถั่วเหลือง อีฟนิงพริมโรส คลอโรฟิลด์ ยาลดความอ้วน ยาต้านอาการซึมเศร้า อัลมอนด์ แอปเปิ้ล ผลไม้ตระกูลเบอรี่ แตงกวา ขิง มะเขือเทศ งดน้ำและอาหาร 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด และควรอาบน้ำ สระผมให้สะอาด 

วันผ่าตัดคุณหมอให้อดข้าวอดน้ำตั้งแต่เที่ยงคืนตื่นเต้นจนนอนไม่หลับพอมาถึงโรงพยาบาลคุณหมอถามชอบแบบไหน เอาใหญ่ๆหรือพอดีตัวดิฉันเป้นคนตัวเล็ก หนัก 42 สูง 164 เลยตอบคุณหมอว่า สมส่วนดีกว่าค้าเดียวใหญ่ไปเดินลำบาก 555  

พยาบาลก็มาเรียกให้ไปถ่ายรูป x-ray ปอด เจาะเลือด วัดคลื่นหัวใจ เจาะสายน้ำเกลือเสร็จเรียบร้อยก่อนเข้าห้องผ่าตัดคุณหมอก็มาวัดฐานของหน้าอกและมาร์กตำแหน่ง หน้าอก2ข้างจะไม่เท่ากันข้างขวาวัดได้8ซม ข้างซ้ายวัด5ซม คุณหมอเลยให้ใส่ 300 CC เลือกใส่ทรงกลมจะได้เห็นเนินชัดๆไปเลย ก่อนผ่าตัดต้องมีดมยาสลบ พอนอนบนเตียงคุณหมอดมยาก็เอาหน้ากากมาครอบแล้วบอกหายใจลึกๆแล้วก็หลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นมาอีกทีคุณหมอก้เรียกชื่อเสร็จแล้วน้าแล้วก็ถูกพาไปที่ห้องพักฟื้นนอนยังสะลึมสะลืออยู่พอตื่นเต็มที่ บุรุษพยาบาลก็พาไปที่ห้องพักไม่เจ็บอย่างที่คิดเลยสบายมากมันแค่ตึงๆหน่วงๆแค่นั้นเองมีสายถ่ายเลือด2ข้างพันแขนอยู่ 555ตกใจเลือด สักพักพี่พยาบาลก็เอาอาหารพร้อมยามาให้บอกเก่งมากเลยฟื้นตัวเร็วพี่พยาบาลที่ดีดูแลดีมากทั้งเช็ดตัวป้อนข้าวป้อนน้ำประทับใจเรียกได้ตลอด24ชั่วโมง ดิฉันพักที่โรงพยาบาล1คืนพอตอนสายๆคุณหมอก็มาตรวจอีกครั้งบอกกลับบ้านได้ พยาบาลก็มาถอดสายถ่ายเลือดให้และทำความสะอาดแผลเสร็จเรียบร้อบก็ให้ยามาทานและกลับบ้านได้ตอนกลับมีบุรุษพยาบาลไปส่งที่รถ บริการดีดี๊ประทับใจตั้งแต่เข้ายันออกเลย  

รูปหลังทำ


ทางโรงพยาบาลบางมด ขอขอบคุณ คุณพลอย นางสาวภัทรวรัญญ์ บางสมบุญ พรีเซนเตอร์จากโครงการปลุกความมั่นใจไปกับเรา ที่ทำรีวิวศัลยกรรมหน้าอก ขึ้นมาจากความประทับใจของเธอเองค่ะ


Review ศัลยกรรมทำตาสองชั้น โดย รพ.บางมด (คุณหมอธนัญชัย อัศดามงคล) ความเปลี่ยนแปลง แบบ Before & After


Presenter ศัลยกรรมตา 2 ชั้น ประสบการณ์จริง เล่าจริง เธอเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเอง ค่ะ 
คุณ แนตตี้ นางสาวณัชชารีย์ พานิชา ทำศัลยกรรมตา 2 ชั้น โดย นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล

สวัสดีค่ะเพื่อน  กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก แนะนำตัวก่อน ชื่อ แน็ตตี้ นะคะ วันนี้จะมารีวิวการทำศัลยกรรมตาสองชั้น โดย คุณหมอธนัญชัย (รพ.บางมด) เท้าความไปนิดนึงตรงจุดที่ทำไมถึงมาทำศัลยกรรมตาได้ คือ ปกติตาของเราจะไปทางเชื้อสายจีนเลยค่ะ คือ มีชั้นตานะค่ะ แต่หลบในจนเกือบมิดหรือมองไม่เห็นว่ามีชั้นตา ด้วยความที่ไขมันบริเวณหนังตาก็เยอะด้วย ตาตี่ด้วย (คือเป็นสระอีเลยเวลายิ้ม) เพื่อน ก็จะเรียก หมวยเพราะตาที่ตี่เล็กประกอบกับหน้าหมวยของเรา ก่อนหน้านี้ก็จะแก้ไขด้วยการใส่คอนแทคเลนส์ตาโต เอาเพื่อพยายามทำให้ตาดูโต แต่ใส่ได้ไม่นานก็เคืองตาค่ะ เราคิดว่าจะต้องได้อยู่กับตาเล็ก นี้ไปตลอดชีวิต ก็คงต้องพึง Make Up อุปกรณ์เสริมต่าง กันไป มาดูหน้าตา จขกท. ก่อนทำกันค่ะ (แบบจัดเต็ม Make Up)


แต่แล้ว..... ฟ้าก็ลิขิตให้เราได้พบกับโครงการนี้ ซึ่งเป็นโครงการที่ทางโรงพยาบาลบางมดจัดขึ้น โครงการปลุกความมั่นใจไปกับเราโดยโครงการจะให้เราส่งภาพตัวเอง 1 ภาพ พร้อมกับบอกเล่าว่าเราอยากเปลี่ยนแปลงหรือศัลยกรรมส่วนใดในร่างกาย เพราะอะไร เราก็ปิ๊งขึ้นได้ว่า ปัญหาบนร่างกายที่เราไม่สามารถแก้ได้เอง (เนื่องจากกรรมพันธุ์) ก็คือ ตา นั่นเอง ผลคือผ่าน 20 คนแรกได้เข้ารอบต่อไปค่ะ เมื่อผ่านถึงวันที่ต้องตัดเชือก 5 คนสุดท้าย (ตามกติกา) ก็ได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์ส่วนตัวกับคณะกรรมการ ได้เจอกับคุณหมอธนัญชัยคุณหมอสุรสิทธ์ อัศดามงคล และคุณส้ม ชนากานต์ (มิสไทยแลนด์เวิล์ด 1990) ตื่นเต้นมากค่ะ แต่ก็พยายามตอบให้เหมือนเป็นการนั่งคุยกับคณะกรรมการมากกว่า เพื่อลดความเครียด จำได้ว่าคุณหมอให้ร้องเพลงก่อนออกจากห้อง ตอนนั้นเพลงที่นึกได้คือ “Flashlight” ของ Jessie J และผลก็คือ แน็ตได้ผ่านเข้ารอบ 7 คนสุดท้ายไปรอลุ้นผลโหวตตัดสินค่ะ (สงสัยเพลง Flashlight จะช่วยเราไว้รึเปล่า 555) ภาพประกอบบรรยากาศรอบคัดเลือกโครงการปลุกความมั่นใจไปกับเรา

ผลการประกวดในครั้งนี้ แน็ตได้ชนะจากคะแนนโหวตประเภท ศัลยกรรมตา จากเพื่อน ทุกคนที่โหวตให้เราใน Facebook ถึงตรงนี้ต้องฝากขอบคุณทุกคนมาก นะค่ะ ประทับใจเพื่อน มาก ถึงแม้จะมีเพื่อนใน Facebook ไม่มากเท่าไหร่ แต่ทุกคนช่วยเราเต็มที่เลย ไม่ยอมให้เราท้อและยอมแพ้น่ารักกันมาก และขอบคุณทางโรงพยาบาลที่จัดกิจกรรมดี แบบนี้ให้สาวๆอย่างพวกเราได้มีโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองค่ะ และแล้วก็ถึงวันนัด 21 ตุลา ก่อนที่จะถึงวันทางโรงพยาบาลมีการติดต่อกับเราตลอดว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง กำหนดการนัดหมายอย่างไร สำหรับแน็ตทำตา เป็นการผ่าตัดเล็ก จึงไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมากค่ะ ก่อนจะเข้าห้องผ่าตัดจะมีโอกาสได้ปรึกษากับคุณหมอธนัญชัยก่อน เกี่ยวกับขนาดชั้นตาและรูปแบบ และวิธีการที่จะทำ ซึ่งคุณหมออธิบายได้ละเอียดมากค่ะ โดยรูปแบบตาที่คุยกับคุณหมอในวันนี้แน็ตเลือกที่ขอชั้นตาที่กว้างขึ้นไปเลย และขอให้เปิดหัวตา และวิธีการคุณหมอจะใช้ก็คือการกรีดและเย็บผสมกันตัดไขมันส่วนเกินบริเวณหนังตาออกและใช้เลเซอร์เข้ามาช่วย จะทำให้เห็นรอยแผลน้อย และชั้นตาคงทนขึ้น พอปรึกษาคุณหมอเสร็จ ก็รอคิวขึ้นเตียงผ่าตัดได้เลยค่ะ ก่อนจะเริ่มผ่าตัดทางรพ.จะจัดยาให้เราทานก่อน 1 ชุด คือยาแก้อักเสบ และยาลดอาการบวมอย่างละ 1 เม็ด ถึงเวลาที่ต้องผ่าตัด คุณหมอจะฉีดยาชาบริเวณดวงตา พอเริ่มรู้สึกชาแล้วคุณหมอก็เริ่มทำการผ่าตัดศัลยกรรม เริ่มจากกรีดแล้วใช้เลเซอร์ยิง ได้กลิ่นไหม้ๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเลเซอร์รึเปล่า (เคยอ่านเจอว่าจริงๆแล้วเป็นกลิ่นเลือดเรา) จากนั้นคุณหมอก็ทำการตัดเอาถุงไขมันออกมา แล้วก็เย็บชั้นตาอีกที จากด้านในเป็นการเย็บแบบซ่อนแผลด้วยไหมละลายค่ะ จะไม่เห็นปมไหมจากภายนอก ในเวลา 15 - 20 นาทีอยู่บนเตียงผ่าตัดนี้ เราจะรู้สึกตัวตลอดแต่ไม่เจ็บเลยค่ะ (เจ็บตอนโดนฉีดยาชานี้แหละ เพราะแน็ตเป็นคนไม่ชอบเข็มฉีดยา 555) แต่เราก็แอบเกร็งนะคะ ขณะที่คุณหมอผ่าตัดอยู่ สงสัยคุณหมอจะรู้ว่าเราตื่นเต้นและเกร็งคุณหมอก็เลยชวนคุยไปเรื่อยจนเราเพลิน ไม่นานก็เสร็จ และนี่คือรูปหลังการผ่าตัด 



รูปเปรียบเทียบ Before & After ค่ะ

ทางโรงพยาบาลบางมด ขอขอบคุณ คุณ แนตตี้ พรีเซนเตอร์จาก โครงการปลุกความมั่นใจไปกับเรา ที่ทำรีวิวศัลยกรรมตา 2 ชั้นนี้ขึ้นมา จากความประทับใจของเธอเองค่ะ