วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Review ศัลยกรรมจมูก เปลี่ยนโฉมสาวไม่มีดั้ง ให้เป็นสาวมั่นใจ สวยเป็นธรรมชาติ โดย นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล



Presenter ศัลยกรรมจมูก ประสบการณ์จริง เล่าจริง เธอเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเอง ค่ะ
คุณ เอ นางสาวกมลวรรณ วัชรธัญญทิพย์ ทำศัลยกรรมจมูกโดย นพ. ธนัญชัย อัศดามงคล


เล่าสู่กันฟัง....รีวิวเสริมจมูกครั้งแรกค่ะ

เกริ่นก่อนว่า ที่อยากทำจมูกก็เพราะอยากให้ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้นอ่ะค่ะ รู้สึกถ่ายรูปแล้วหน้าดูแบนๆราบๆ เพราะดั้งไม่มี เวลาออกงานก็เสียเวลาแต่งหน้า ตรงที่ต้องคอยไฮไลท์ เฉดดิ้งจมูกให้ดูเหมือนมีสัน มีดั้งขึ้นมา ซึ่งมันช่วยให้ดูมีดั้ง มีมิติ ขึ้นมั้ยไม่แน่ใจ แต่อย่างน้อยช่วยเรื่องจิตใจค่ะ 555+ 

พอได้โอกาสเหมาะ มีคนสนับสนุน ก็เลยได้ทำสักทีค่ะ   มีเวลาเตรียมตัวจริงจัง อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ ก่อนหน้าก็มีอ่านรีวิวในเนตบ้าง ถึงการเตรียมตัวและทรงจมูกในแบบต่างๆ ตามแต่เวลาจะว่าง แบบอ่านเรื่อยๆ ชิวๆ แต่พอรู้วันที่คุณหมอนัดผ่าแล้วนี่แหละ รู้สึกจะตื่นเต้น เป็นกังวลขึ้นมาทันที ทั้งข้อมูลมากมายจากในเนตและคำบอกเล่าจากเพื่อนที่เคยทำจมูก ว่า ต้องงดยา งดวิตามิน หลายอย่าง คือแบบว่าหลากหลายข้อมูล แต่ละแหล่งเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง เราก็จดๆแล้วมาสรุป ปรับใช้ ประกอบกับขอคำแนะนำจากทางโรงพยาบาลด้วยว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร งดอะไรบ้าง ก็คลายกังวลไปบ้าง แต่ก็ตื่นเต้นอยู่ดีค่ะ อาจเพราะนี่เป็นครั้งแรกของเราสำหรับการทำศัลยกรรมด้วยเนาะ

พอถึงวันผ่า ก็คุยกับคุณหมอว่าเราอยากได้จมูกที่โด่งเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องการโด่งมากแบบใครเห็นแล้วรู้ ไม่อยากให้เห็นสัน เป็นแท่งชัดเจนแบบจะดูไม่เนียน อยากได้ปลายหยดน้ำหน่อยๆ ซึ่งเราก็มีรูปไปให้คุณหมอดูประกอบด้วยว่าอยากได้ทรงประมาณไหน แต่ทรงในรูปจะค่อนข้างโด่งมากไปและคุณหมอบอกว่าแบบนี้ ปลายเชิด นะ เราก็ อ้าว หรอคะ หนูก็ดูไม่ค่อยเป็น เสิจรูปจากในเนตว่า ทรงจมูกปลายหยดน้ำ มันก็มีรูปนั้นออกมา 555+ หัวเราะกลบเกลื่อน แล้วก็บอกไปว่าเอาทรงประมาณนี้อ่ะค่ะ แต่ไม่ต้องโด่งเท่าในรูปก็ได้ค่ะ ซึ่งคุณหมอก็ใจดีนะคะ ให้คำปรึกษา แนะนำ ถึงทรงจมูก ความโด่ง ที่เหมาะกับใบหน้าเรา มีการวัดสัดส่วนบนใบหน้า  แล้วคุณหมอบอกว่าเรามีปลายจมูกอยู่แล้ว แต่สันจมูกส่วนบนกับตรงกลางมันหายไป คุณหมอก็จะเสริมให้ในส่วนนี้ แล้วเพิ่มปลายหน่อยนึง หยดน้ำทำได้นิดเดียวเพราะเนื้อปลายจมูกไม่เยอะมาก เดี๋ยวทะลุ คุยเสร็จก็ไปเตรียมตัวค่ะ พยาบาลให้ยามาทานหลายเม็ดเลย น่าจะเป็นยาแก้อักเสบ ยาพาราแก้ปวดและยาลดบวม

ซึ่งโรงพยาบาลที่เราไปทำเค้าจะไม่ให้กินยานอนหลับหรือวางยาสลบนะคะ ฉีดแค่ยาชาอย่างเดียว พอเปลี่ยนชุดเข้าห้องผ่าตัด ล้างหน้า ล้างช่องจมูก ก็ขึ้นเตียงผ่าตัดรอเลยค่ะ  พยาบาลก็เอาเบตาดีนมาคลีนหน้า แล้วฉีดยาชา เป็นดังคำร่ำลือค่ะ ว่ามันเจ็บมาก เจ็บที่สุดละ 55+ มันจี๊ดๆอ่ะ แต่ก็พอทนได้นะคะ จากนั้น หมอก็ทำการผ่าตัดให้เรา เราก็นอนเพลินๆค่ะ จริงๆจะว่าเพลินมั้ยก็ไม่หรอกค่ะ รู้สึกเกร็งๆและลุ้นๆมากกว่า ว่าตอนนี้หมอจะทำอะไร จะเจ็บมั้ย แต่ผลคือไม่เจ็บเลยค่ะ แต่เราจะรู้ว่าตอนนี้คุณหมอกำลังทำอะไรอยู่ ประกอบกับคุณหมอจะบอกเราเป็นระยะด้วยค่ะ ว่าตอนนี้จะทำอะไร รวมทั้งบางช่วงที่ต้องหายใจทางปาก แล้วมีอะไรไหลลงคอ คุณหมอก็จะบอกให้กลืนลงไปได้เลยค่ะ เวลาที่ใช้ผ่าตัดก็แป้บเดียวเสร็จอ่ะ ไม่ถึง 30 นาที เร็วมากๆ

พอทำเสร็จคุณหมอก็จะให้เราส่องกระจกดู ว่าได้ทรงแบบนี้นะ ชอบมั้ย และที่นี่จะให้ญาติหรือเพื่อนเข้ามาช่วยดูได้ แต่ต้องแจ้งพยาบาลไว้ก่อนล่วงหน้าค่ะ เมื่อเย็บแผลด้วยไหมละลายเสร็จ พยาบาลก็พาเราไปห้องพักฟื้นแล้วประคบเย็นให้เรา 30 นาที พร้อมกับให้ยาและแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังผ่าตัด เราก็กลับบ้านได้เลยค่ะ

ระหว่างนั่งรถกลับบ้านก็คิดในใจว่ายาชาจะหมดฤทธิ์เมื่อไรนะ แล้วมันจะปวดแผลมั้ยนะ แต่ปรากฏว่าเราไม่ปวดแผลเลยค่ะ ยาพาราที่ได้มาแทบไม่ได้กินเลย รู้สึกดีใจมาก กลัวปวดแล้วทรมาน นอนไม่ได้อะไรแบบนี้ คือ คุณหมอมือเบามาก เราไม่ปวดแผลเลย อาการบวมตรงใต้ตาและรอบจมูกก็น้อยมากๆค่ะ ประมาณ 2-3 วันแรกที่จะบวมแบบเห็นได้ชัด และหลังจากวันนั้นเราก็ออกไปข้างนอก ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลยค่ะ

มาดูความเปลี่ยนแปลงกันค่ะ


รูปก่อนทำค่ะ

หลังทำค่ะ


รูปคู่เปรียบเทียบ Before & After ค่ะ


 เล่ามาซะยาวก็ขอจบรีวิวเพียงเท่านี้ค่า ต้องขอบคุณเพื่อนๆที่ติดตามอ่านนะคะ บ๊ายบายค่า


ทางโรงพยาบาลบางมด ขอขอบคุณ คุณ เอ พรีเซนเตอร์จาก โครงการปลุกความมั่นใจไปกับเรา ที่ทำรีวิวศัลยกรรมจมูกนี้ขึ้นมา จากความประทับใจของเธอเองค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น